บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ท่านที่กำลังตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศ

ข้อแนะนำต่อไปนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่กำลังตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศได้ดีขึ้น
1.  ควรเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ เพราะแอร์โนเนมส่วนใหญ่จะมีกำลังความเย็น (Btu/h) น้อยกว่าที่แสดงไว้บนฉลากหรือที่ภาษาช่างแอร์เรียกว่า ไม่เต็มบีทียู เครื่องปรับอากาศจากผู้ผลิตโนเนมส่วนใหญ่มีกำลังความเย็นเพียง 70 - 80% ของที่โฆษณาไว้ นอกจากจะมีกำลังความเย็นไม่เต็มบีทียูแล้ว แอร์โนเนมยังมีเสียงดังและเสียเร็วอีกด้วย
2.  ควรเลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์  5  หรือเบอร์  4  และได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)  เพราะได้รับการทดสอบความสามารถในการทำความเย็นแล้ว  ซึ่งทำให้ท่านแน่ใจได้ว่าจะได้เครื่องปรับอากาศที่ประหยัดไฟฟ้าและมีประสิทธิภาพเต็มบีทียู นอกจากนี้ควรพิจารณาประกอบกับผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือด้วยเนื่องจากว่าอาจมีผู้ผลิตบางราย ปลอมฉลากเบอร์  5  ด้วย
3.  เลือกใช้เครื่องปรับอากาศของผู้ผลิตที่มีบริการหลังการขายที่ดี  ข้อนี้เป็นข้อที่มีความสำคัญมากเช่นกัน ผู้ให้บริการนั้นต้องมีความชำนาญ ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้ เพราะนั่นหมายถึงผู้ที่จะดูแลเครื่องปรับอากาศของคุณ จะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิดกับปัญหาจุกจิกกวนใจภายหลัง

 ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเครื่องปรับอากาศ

เครื่องปรับอากาศโดยทั่วไปแบ่งออกได้ดังนี้ :
   1. แบบติดหน้าต่าง หรือ WINDOW TYPE  เป็น ประเภทที่รวมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ในชุดเดียว และติดแขวนไว้ที่ช่องหน้าต่างหรือผนังห้อง โดยเป่าลมเย็นให้เข้าห้อง พร้อมกับมีส่วนระบายความร้อนออกมาด้านนอก แบบนี้ตัวเครื่องจะมีขนาด ประมาณ 0.7-2.5 ตัน เครื่องปรับอากาศประเภทนี้เหมาะกับห้องที่ติดตั้งวงกบหน้าต่าง มีกระจกช่องแสงปิดตาย บานกระทุ้งหรือบานเกล็ด
  ข้อดี :
- การติดตั้งเคลื่อนย้ายสะดวกและรวดเร็ว
  ข้อเสีย :
- หากเครื่องมีขนาดใหญ่เกินไปจะมีปัญหาในการติดตั้ง เพราะบริเวณช่องหน้าต่างไม่สามารถรับน้ำหนักมากได้
- กินไฟสูงและมีเสียงดังกว่าทุกประเภทเพราะการสั่นสะเทือนของตัวเครื่อง

   2. แบบแยกส่วน หรือ SPLIT TYPE  เป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด ที่เรียกว่าแยกส่วนเพราะได้แยกเอาส่วนที่เป่าลมเย็นออกจากตัวเครื่องระบายความร้อน โดยมีขนาดตั้งแต่ 1- 50 ตัน ติดตั้งได้ทั้งที่ใต้เพดานหรือบนพื้นราบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสวยงามและความเหมาะสมกับห้อง
ข้อดี :
- ไม่ค่อยมีเสียงดังรบกวน เหมาะกับห้องนอนที่ต้องการความเงียบ
ข้อเสีย :
- มีความยุ่งยากในการติดตั้ง เพราะต้องคำนึงถึงการเดินท่อระหว่างเครื่องที่แยกส่วน

   3. แบบเครื่องชนิดทำน้ำเย็น หรือ WATER CHILLER ระบบนี้ใช้น้ำเป็นตัวกลางในการสร้างความเย็น เหมาะใช้กับอาคารขนาดใหญ่ ตัวเครื่องมีน้ำหนักตั้งแต่100 ตันขึ้นไป
ข้อดี :
- กินไฟน้อยกว่าประเภทอื่น
ข้อเสีย :
- มีความยุ่งยากในการติดตั้งมาก และต้องเตรียมโครงสร้างให้แข็งแรง

   4. แบบเคลื่อนที่ได้ หรือ PORTABLE TYPE  เป็น ระบบที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สะดวกในการนำไปใช้งาน ตัวเครื่องมีขนาดกระทัดรัด เคลื่อนย้ายได้ง่าย เนื่องจากติดตั้งตัวล้อไว้ที่ฐาน
ข้อดี :
- เคลื่อนย้ายไปทุกที่ได้สะดวก น้ำหนักเบา ใช้งานง่ายและกินไฟน้อย
ข้อเสีย :
- ใช้ได้กับห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ประมาณ 10-13 ตารางเมตร
ข้อควรพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ
   1.
ขนาดที่เหมาะสมกับห้องที่ต้องการติดตั้ง
 - 
สามารถดูได้จากตาราง ขนาดพื้นที่ห้องเทียบความสูงของห้องปกติ ( ไม่เกิน 3เมตร ) พื้นที่ห้องตามความสูงปกติ ขนาดเครื่องปรับอากาศ

 
ขนาดห้อง
( ตารางเมตร)
( บีทียู/ชั่วโมง )
"
13-14
8,000
"
16-17
10,000
"
20
12,000
"
23-24
14,000
"
30
18,000
"
40
24,000
                      * B.T.U.  ย่อมาจาก  BRITISH THERMAL UNIT
  
 2. คำนึงถึงการใช้งานหรือวัตถุประสงค์ของห้องต่างๆ เช่น
ห้องที่มีพื้นที่จำกัด เช่นห้องชุด คอนโดมิเนียม ควรใช้แบบแขวนใต้ฝ้าเพดาน
ห้องนอน ควรเน้นประเภทที่เงียบเป็นพิเศษ และให้ความแม่นยำในการควบคุมอุณหภูมิเพื่อการพักผ่อนยาวนานตลอดคืน
อาคารขนาดใหญ่ นิยมใช้เป็นระบบปรับอากาศส่วนกลาง หรือ
CENTRAL AIR
-  นอกจากนี้ต้องคำนึง เรื่องการวางระบบโครงสร้าง ภายนอก ภายใน รวมถึงระบบไฟฟ้า และพื้นที่ในการเดินท่อต่างๆ

   3. พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ ( ดูจากฉลากที่ติดมากับตัวเครื่อง )
-  ควรเลือกประเภทที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้า โดยดูจาก ค่า  EER ( ENERGY EFFICIENCY RATIO ) ค่าที่ได้ควรเท่ากับ10 หรือมากกว่า ค่า EER ยิ่งมากเท่าไรก็จะประหยัดไฟฟ้ามากขึ้น

                              EER   =    ขนาดทำความเย็น (บีทียู/ชั่วโมง)
                                           กำลังไฟฟ้าทั้งหมด (วัตต์)



                 ค่า EER  ตั้งแต่  7.6 ลงไป  ถือว่าอยู่ในระดับ มีเกณฑ์ต่ำ
                
ค่า EER  ตั้งแต่  7.6-8.6  ถือว่าอยู่ในระดับ มีเกณฑ์พอใช้
                
ค่า EER  ตั้งแต่  8.6-9.6  ถือว่าอยู่ในระดับ มีเกณฑ์ปานกลาง
                
ค่า EER  ตั้งแต่  9.6-10.6  ถือว่าอยู่ในระดับ มีเกณฑ์ดี
                
ค่า EER  ตั้งแต่  10.6 ขึ้นไป  ถือว่าอยู่ในระดับ มีเกณฑ์ดีมาก

   4. ราคาและการบริการหลังการขาย
ปัจจุบัน เครื่องปรับอากาศส่วนใหญ่มีมาตราฐานใกล้เคียงกันมาก ดังนั้นการพิจารณาอาจเปรียบเทียบจากจำนวนปีที่ใช้งานกับราคาของเครื่อง และใช้กระแสไฟน้อยที่สุดแต่ให้ความเย็นมากที่สุด รวมถึงการรับประกันสินค้าและบริการหลังการขาย
การเลือกตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสม

1. บริเวณที่สามารถระบายความร้อนได้สะดวก
2.
ไม่โดนฝนสาดได้ง่าย
3.
บริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดส่องโดยตรงตลอดเวลา
4.
บริเวณที่สามารถปล่อยให้เสียงและลมร้อนเป่าออกมาได้โดยไม่รบกวนบริเวณข้างเคียง
5.
ตำแหน่งติดตั้งควรมีโครงสร้างแข็งแรง หรือใกล้คานหรือเสา เพื่อรับน้ำหนักตัวเครื่องได้ดี
6.
ตัวเครื่องควรยกระดับให้พ้นจากพื้นดินอย่างน้อย 10 เซนติเมตร หรือพ้นจากระดับที่น้ำท่วมถึง และในบริเวณที่สามารถซ่อมบำรุงได้ง่าย
7.
หลีกเลี่ยงการติดตั้งในบริเวณที่มีโอกาสติดไฟเนื่องจากแก๊สรั่ว
8.
หลีกเลี่ยงการติดตั้งในบริเวณที่มีกรดซัลไฟด์ เช่น บริเวณท่อระบายน้ำทิ้ง
9.
ตำแหน่งที่ไม่กีดขวางทางเดิน
ข้อมูล : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
http://thaiintercool.com/article?id=26654&lang=th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น